หมาจรจัด : สิ่งมีชีวิตที่น่าสงสาร

โดยชื่อ "พุทธมณฑล" แปลว่าแว่นแคว้นแห่งศาสนาพุทธ โดยหน้าที่พุทธมณฑลเป็นศูนย์รวมการจัดกิจกรรมสำคัญทางพุทธศาสนา...แต่ในมุมที่ลึกที่สุดของที่นี่ ยังมีสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า "หมาจรจัด" อยู่รวมกันกว่า 400 ตัว ในสถานที่ที่มีชื่อว่า "เกาะหมา"
ป้ายเล็กๆ ที่ปักอยู่ต่ำติดพื้น นานๆ ถึงจะบอกทางเข้าสู่เกาะหมาสักที ด้วยคิดว่าจะทำให้คนที่พาหมามาทิ้งที่เกาะหมาไปไม่ถูก แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของมนุษย์กลุ่มนี้ไม่มีอะไรหยุดได้ แม้กระทั่งทางเข้าที่วกวนยอกย้อน แต่ดูเหมือนว่าความลึกของที่ตั้งกับความวกวนของถนน คงทำได้เพียงกักกันหมาไม่ให้ออกจากที่นี่เพื่อกลับไปยัง "บ้าน" ที่พวกมันจากมาเท่านั้น...เจ้าตูบเหล่านี้ก็จำต้องติด "เกาะหมา" โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เรียกร้อง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำผิดอะไร

ที่เกาะหมา ไม่ว่าจะเป็นหมาแก่ หมาเด็ก หมาหนุ่มสาว หมาพันธุ์ทาง หมาต่างประเทศ หมาขี้เรื้อน หรือหมาพิการ หมาทุกตัวมีสิทธิเท่าเทียมกันหมดในฐานะ "หมาที่ถูกทอดทิ้ง"...

"บางคนเอามาทิ้งที 6 ตัว เอาใส่ลัง ยังเล็กๆ อยู่เลย บางคนนั่งรถหรูเลยสีแดง ขับมาใกล้จะถึงแล้วก็ชะลอ ถีบหมาลงมาจากรถ บางตัวถูกรถชนพิการคนก็เลยเอามาทิ้งให้ที่นี่ บางตัวถูกปล่อยข้างถนน คนเห็นกลัวมันตายก็เอามาที่นี่" ป้ารื้นในวัยร่วม 60 ปีกลับต้องมาอยู่ดูแลและรับกรรมร่วมกับหมาที่คนอื่นทิ้งขว้างเกือบทุกวัน โดยมีผู้ช่วยเพียง 1 คน

นอกจากเกาะหมา ยังมีมูลนิธิและบ้านพักหมาจรจัดอีกหลายๆ แห่งที่เกิดขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนสี่ขาของมนุษย์เหล่านี้ เช่น บ้านสงเคราะห์สัตว์ป้าสำรวยที่มีหมาจรจัดกว่า 1,000 ตัว หรือมูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการที่มีหมาถูกทิ้งมากพอกัน เมื่อไม่นานมานี้ มูลนิธิฯ ได้ย้ายจากปากเกร็ดไปยังสถานที่แห่งใหม่ที่บางเลนซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น...ฟังดูไม่น่าจะเรียกได้เต็มปากว่าเป็น "ข่าวดี"
เคยมีการสำรวจพบว่าในกรุงเทพฯ มีหมาจรจัดกว่า 120,000 ตัว และตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน!! ว่ากันว่า หมาจรจัดส่วนใหญ่เป็นหมาที่เคยมีคนเลี้ยงดู...

บางคนทิ้งหมาเพราะโตแล้วไม่น่ารักเหมือนหมาเด็กโตขึ้นมาแล้วนิสัยไม่ดี พันธุ์ไม่ดี ไม่สวยอย่างที่คิด หรือเลี้ยงไปเลี้ยงมาหมาเป็นขี้เรื้อนก็เกิดรังเกียจ บางคนทิ้งด้วยเหตุผลส่วนตัว เช่น หมดรักหรือเบื่อแล้ว ทิ้งเพราะเลิกกับแฟนแล้ว เป็นโชคร้ายของหมาดันเป็นของขวัญที่แฟนซื้อให้ ทิ้งเพราะสิ้นเปลืองหรือหมาป่วยไม่อยากรักษา หรือทิ้งเพราะคนให้มาแล้วไม่มีที่เลี้ยง บางคนก็ทิ้งเพราะเห็นหมาเป็นแค่วัตถุราคาถูกซื้อมาไม่กี่ร้อยบาท โดยลืมคิดไปว่านั่นก็อีกชีวิต ฯลฯ ไม่ว่าจะให้เหตุผลอะไร คำตอบสุดท้ายก็คือความมักง่าย

ชะตากรรมของหมาบ้านที่ถูกทิ้ง...จากที่เคยมีคนให้น้ำให้อาหารหมา อาบน้ำให้ไม่ต่างจากลูกผู้ดี จู่ๆ ต้องมาหากินด้วยการคุ้ยขยะกินเศษอาหารเน่าเหม็นประทังชีวิตไปวันๆ ไม่มีน้ำสะอาดให้ดื่ม ไม่มีน้ำท่าให้อาบ หมาขนสั้นก็เริ่มเป็นโรคผิวหนัง หมาขนยาวกลายเป็นสังกะตังเป็นเห็บหมัด บางตัวถึงขั้นฝังรากลึกกลายเป็นรังหนอนแมลงวันเคลื่อนที่ ไหนยังจะต้องแย่งชิงอาหารและที่หลับนอนกับเจ้าถิ่น ไหนยังจะต้องเสี่ยงกับการถูกรถชน หรือไหนยังอาจจะถูกจับไปส่งที่ ต.ท่าแร่ จ.สกลนคร เพื่อเป็นอาหารให้คนใจร้าย


เรียกว่า จากเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์กลายเป็นส่วนเกินที่สังคมรังเกียจเพียงพลิกฝ่ามือ

คนทิ้งหมาหลายคนอาจเข้าข้างตัวเองว่า การทิ้งหมาที่เกาะหมาหรือตามบ้านพักหมาจรจัดถือเป็นการสงเคราะห์แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาอาจลืมนึกไปคือ เมื่อคุณเอาหมามาเลี้ยง นับแต่นาทีนั้น หมาก็มีคุณเป็นนายเพียงคนเดียวไปตลอดชั่วชีวิต ดังนั้น แม้ว่าคุณจะเป็นแค่ "คนคนหนึ่ง" ในโลกใบนี้ แต่สำหรับมันแล้ว คุณก็คือ "โลกทั้งใบ"

ก่อนที่กฎหมายไทยจะเข้มงวดเรื่องการนำสัตว์มาเลี้ยง สิ่งที่คนที่คิดจะเลี้ยงสัตว์ควรต้องทำก็คือ พิจารณาตัวเองให้ดีและหาข้อมูลให้เพียงพอก่อนที่จะรับอีก "ชีวิต" เข้ามาดูแล เพราะลูกหมาต้องเติบโตและอยู่กันไปร่วม 10 ปี ไม่ใช่ของเล่นที่เบื่อแล้วก็ทิ้งขว้างได้

"คนเลี้ยงหมาต้องมี 3 ร คือ รัก รู้ และรับผิดชอบ" น.สพ.การุณ แห่ง Dogazine ฝากไว้ ก่อนจากเกาะหมาออกมา ป้ารื้นกำลังวุ่นอยู่กับการกำจัดเห็บหมัดให้หมาป่วยและหมาพิการด้วยอาวุธคือหนีบและขันน้ำ โดยมีเพียงคำขอสั้นๆ ที่ป้าฝากถึงคนที่คิดจะทิ้งหมาว่า "ก่อนทิ้งช่วยทำหมันมาก่อน" ...ดูเหมือนป้ารื้นจะวิงวอนต่อคนใจร้ายเหล่านั้นน้อยเกินไป!! 



http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=74646

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น